วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เส้นผม 3

เส้นผม 2

เกาะสีให้ติดแน่น ได้มากกว่าผมแห้งเสีย ดังนั้นคุณต้องบำรุง และดูแลเส้นผมด้วยคอนดิชันเนอร์รุ่นบำรุงล้ำลึกเป็นประจำด้วย เพื่อสีผมที่สวยสดใสตลอดไป
2. คุณไม่ควร ใช้เครื่องมือราคาถูก
รู้ค่ะว่าเงินน่ะหายาก แต่อยากให้คุณลงทุนสักหน่อยกับแปรงหวีผมดี ๆ สักอัน ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะการแปรงผมด้วยแปรงดี ๆ นั้นจะช่วยทำให้เส้นผมของคุณมีสุขภาพดีขึ้นได้ด้วย การกระตุ้นให้ต่อมไขมัน ผลิตน้ำมันตามธรรมชาติออกมาหล่อเลี้ยงเส้นผม ช่่วยให้เส้นผม เป็นมันเงาไม่ฟุ้งฟู และจัดทรงได้ง่ายยิ่งขึ้น ถ้าจะให้เด็ดลองหาแปรง ที่ทำจากขนสัตว์ธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยลดแรงเสียดทานในการหวีผม และยังช่วยลดความเครียด ให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ อีกด้วย และท้ายสุดอย่าลืมทำความสะอาดหวี และแปรงของคุณอย่างเป็นประจำด้วย
3. คุณไม่ควร ใช้หนังยางรุ่นดึก
ช่วงนี้ฮิตเป็นพิเศษกับการรวบหางม้าเป็นสปริงเด้งดึ๋งตามแคทวอล์กแฟชั่น เราจึงอยากเตือนคุณว่า อย่าได้หลับหูหลับตาหยิบหนังสติ๊กมัดถุงกับข้าวมามัดผมเป็นอันขาด เพราะหนังยางประเภทนั้นจะดึงเส้นผมให้ฉีกขาด แถมยังทำลายเกล็ดผมอีกด้วย ดังนั้นสาวผมยาวทั้งหลายที่ชอบมัดผม ควรหาซื้อหนังยาง ที่ผลิตสำหรับเส้นผมโดยเฉพาะ มาติดกระเป๋าอยู่เสมอเผื่อฉุกเฉิน หรือใช้ที่มัดผมโดนัทที่มีผืนผ้าห่อหุ้มอยู่ด้านนอก ในการมัดผม แค่นี้ก็จะช่วยป้องกันปัญหาผมพันติดหนึบกับหนังสติ๊ก พาลให้ผมขาดวิ่น หรือต้องตัดผมเลยก็เป็นไปได้
4. คุณไม่ควร ใช้ผลิตภัณฑ์ผิด
อย่าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เพียง เพราะแพ็กเกจที่สะสวย ดูดีมีสไตล์ การเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์ความงามทั้งผิวและผม นั้น ต้องเลือกที่คุณสมบัติเป็นหลัก โดยเลือกให้เหมาะกับ สภาพผิวและสภาพผมของเรา แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่พวกเรามักต้องเจอ คือ คำบรรยายสรรพคุณสุดเวอร์ และสับสนบนฉลาก ทำให้เราต้องเวียนหัวทุกครั้งที่ไปช้อปปิ้งด้วยตัวเอง ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่า ผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกจะเหมาะกับเส้นผมของคุณ และได้ผลดีจริง ๆ เราขอแนะนำให้คุณสอบถาม จากช่างผมของคุณจะดีกว่า แต่ถ้าอยากทดลองให้รู้ด้วยตัวเอง ควรซื้อไซส์ทดลองมาใช้ในคราวแรก ถ้าใช้แล้วดี ค่อยลงทุนซื้อไซส์ใหญ่มาใช้ในคราวถัดไป
5. คุณไม่ควร รุนแรงกับผมเปียก
เชื่อได้เลยว่าใครที่ไหนก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ รีบ ๆ สระผม แล้วก็เอาผ้าขนหนู เช็ดถูอย่างเมามัน สางผมด้วยหวีเร็ว ๆ แล้วก็รีบออกจากบ้านไปเพื่อแข่งกับเวลา แต่ความจริงแล้วการหวีผม เมื่อผมเปียกนั้น นับเป็นการทำร้ายเส้นผมอย่างรุนแรงมาก แถมการเช็ดถูผมด้วยผ้าขนหนู ยังเป็นการทำให้เกล็ดผมเปิดออกอีก ส่งผลให้เส้นผมฟุ้งกระจาย ไร้ทิศทางจัดยังไงก็ดูไม่เข้าทรง วิธีที่ถูกต้องก็คือ ค่อย ๆ ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำแล้วบีบเบา ๆ ให้ผมแห้งหมาด จากนั้นใช้หวีซี่ห่างสางผมออกจากกัน แค่นี้เส้นผมก็ยิ้มได้แล้ว
6. คุณไม่ควร โหมใช้ของร้อน
ความร้อนจากการใช้ไดร์เป่าผมและเครื่องรีดผมเป็นประจำนับเป็นอันตรายอย่างยิ่ง สำหรับเส้นผม และเห็นผลเร็วยิ่งกว่าสิ่งใด เส้นผมของคุณจะดูหมองในพริบตา แถมยังแห้งเสีย ไม่เข้าท่าได้อย่างเร็วทันใจ ถ้าเลี่ยงการไดร์ผมไม่ได้จริง ๆ พยายามรักษาระยะห่าง ประมาณ 1 ช่วงแขน ห่างจากศีรษะ เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผม รับความร้อนมากเกินไป ความร้อนยังนำพา ความชุ่มชื้นออกจากเส้นผมด้วย ดังนั้นคุณจึงควรใส่คอนดิชันเนอร์ แบบไม่ต้องล้างออก ลงบนเส้นผมทุกครั้งก่อนการใช้ความร้อน เพื่อป้องกันเส้นผมแห้งแตกปลายได้อีกทาง
7. คุณไม่ควร เลื่อนนัดช่างผม
คุณควรเข้าร้านทำผมเพื่อพบกับช่างทำผมเป็นประจำทุก ๆ 8-12 สัปดาห์ เพื่อให้ช่าง ช่วยเล็มปลายผมออก เพราะปลายผมมักจะอ่อนแอมากกว่าโคนผม การได้รับความร้อน หรือสารเคมีต่าง ๆ ก็จะทำลายปลายผม มากกว่าโคนผม การเล็มออกเป็นประจำ จะช่วยป้องกัน การเกิดผมแตกปลายได้เป็นอย่างดี แม้ว่าคุณจะกำลังไว้ผมยาวก็ไม่ควรหยุดเล็มผม เพียงแค่คุณบอกกับช่างผม ว่าคุณกำลังเลี้ยงผมยาว ช่างผมจะช่วยเล็มปลาย เพื่อรักษาทรงให้กับคุณ เพื่อให้ผมของคุณยังดูเป็นทรงสวย ไม่ดูโทรมเกินไป และยังช่วยรักษาสุขภาพผม ให้ดีอยู่เสมอด้วย







10 วิธีดูแลเส้นผม
ในบ้านเราตอนนี้ก็มีสถานบำบัดเยียวยาผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางอยู่หลายที่ แต่ก็ไม่ถึงกับเปรี้ยงปร้างเป็นที่รู้จักของคนส่วนใหญ่มากนัก อันนี้ว่าตามความรู้สึกของป้านะ สำหรับป้าสถานบำบัดเส้นผมเหล่านี้มันคงจะคิดราคาแพง ต้องคนที่กระเป๋าหนักๆ เท่านั้นแหละที่จะได้รับการเยียวยาได้ ในยามที่เศรษฐกิจไม่สู้จะดีอย่างนี้เรามาเริ่มต้นดูแลเส้นผมให้ดีกันตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่า อย่างน้อยมันก็เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดงบประมาณในกระเป๋าลงไปบ้าง
1. ดูแลเส้นผมก็อย่าทำอะไรกับผมมากเกินไปนะ (คร้าบ)
สังเกตมั้ยจ้ะว่าเวลาที่เราเข้าร้านทำผม ช่างทำผมมักจะคอยโน้มน้าวให้เราทำโปรแกรมอะไรมากมายกว่าความต้องการของเรา เช่น เราแค่ต้องการที่จะไปรับการสระ ตัด และไดร์ แต่ว่าช่างทำผมผู้แสนดีก็มักจะเสนอให้เราอบไอน้ำ ทำสี ดัด ยืด หรือทำทรีตเมนต์อะไรอีกมากมายสารพัด เราในฐานะที่เป็นลูกค้าก็แอบรำคาญเล็กน้อย ช่างทำผมบางราย อันนี้ป้าเจอมาหมาดๆ นำเสนอให้อบไอน้ำ นำเสนอไม่พอใส่วิญญาณลูกอีช่างติเข้ามาด้วย ติว่าผมป้าแห้งมาก ช่างคนนี้ไดร์ผมป้าไปก็บ่นไปว่าผมป้ามันแห้งมาก ไดร์ไปติไปตลอดเลยค่ะ ป้านี่แทบปรี้ด
เอาเป็นว่าเราไม่ควรที่จะไปทำอะไรกับผมมากเกินไป หลายๆ คนอาจเคยเข้าสปาผมมาบ้างแล้ว จะสปาเพื่ออะไรก็ตามจะเพื่อผ่อนคลายหนังศีรษะหรือเพื่อเส้นผมเงางามก็เถอะ มันก็เป็นสิ่งที่ดีนะจ้ะที่จะทำแต่ว่าก็ไม่ควรทำบ่อยเกินไป เพราะเส้นผมของเราเนี่ยมันก็คือส่วนที่ตายแล้วของคนเรานี่แหละ มันไม่มีความสามารถที่จะซ่อมแซมสภาพที่เสียโดยตัวของมันเอง ฉะนั้นยิ่งถ้าเราไปทำสี ดัด หรือยืดมากๆเข้าแล้ว มันก็เป็นการไปทำร้ายเส้นผมขั้นรุนแรงโดยที่ไม่สามารถจะซ่อมแซมให้มันกลับสู่สภาพดีดังเดิมได้อีก นอกจากจะโกนผมทิ้งแล้วก็รอวันเวลาที่มันจะงอกเงยขึ้นมาใหม่นั่นแหละจ้ะ
2. ดูแลเส้นผมก็อย่ามองข้ามเรื่องของน้องหวี (เลือกดีๆ ล่ะตัวเอง)
อันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือการเลือกใช้หวี เลือกหวีไม่ดีมีสิทธิตายได้ อะไรทำนองนั้นเลยจ้ะ ให้ระวังการเลือกใช้หวีที่จะทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะ ซึ่งส่วนใหญ่หลายๆคนก็มองข้ามเรื่องนี้ไป อยากให้เราๆ ให้ความสำคัญกับน้องหวีตั้งแต่วันนี้ เพราะเราต้องใช้มันเป็นชีวิตจิตใจกันเลยทีเดียว ก่อนอื่นให้เลือกใช้หวีซี่ห่าง เพราะว่าถ้าใช้เจ้าหวีซี่ถี่ๆเล็กๆ มันจะเป็นการทำร้ายเส้นผม โดยทำให้เกล็ดผมฉีกและหนังศีรษะถลอกได้ นอกจากนี้ใครที่กระเป๋าหนักหน่อยให้เลือกใช้หวีที่เคลือบสาร Teflon ก็จะดีกว่ากันมาก (หลายๆ คนอาจนึกคิดแค่ว่าเข้า Teflon มีแต่เคลือบอยู่บนผิวกระทะเท่านั้น เคลือบบนหวีก็มีนะจ้ะ) หวีที่เคลือบสารดังกล่าวจะช่วยลดการเสียดสีของเส้นผม ลดปัญหาไฟฟ้าสถิตย์ โดยเฉพาะในยามที่อากาศแห้งหรือผู้ที่มีผมแห้งมากๆ
มีความเชื่อปรำปราเรื่องหนึ่งที่กล่าวกันว่าถ้าท่านหวีผมให้ได้วันละ 100 ครั้งต่อวัน สุขภาพของเส้นผมคุณจะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ หรืออะไรทำนองนี้ ป้าอยากจะมาออกโรงเตือนว่าใครที่เชื่อเช่นนี้ ขอให้รู้เถิดว่านั่นเป็นความเชื่อผิดๆ ของคนโบราณ เพราะว่าแทนที่จะเกิดผลดีกลับทำให้ผมยิ่งเสียมากขึ้น ผมของคุณจะหลุดร่วงมากขึ้น เกล็ดผมถูกทำลาย หนังศีรษะเป็นแผล ถลอกปอกเปิก เอาเป็นว่าหวีวันละ 5-10 ครั้งในหนึ่งวันดีที่สุด

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เส้นผม

1.      เวลาสระผมให้คุณนวดหนังศีรษะไปด้วย จะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนโลหิตที่หนังศีรษะดีขึ้นและทำให้น้ำมันตามธรรมชาติไปหล่อเลี้ยงเส้นผมได้ดียิ่งขึ้น
2.      การเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมก็สำคัญ เราต้องมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นต้องมีค่าความเป็นด่างที่สมดุล (PH Balance) เช่น ครีมนวดผมต้องมีคุณสมบัติปรับสภาพเส้นผมให้ชุ่มชื่นและสามารถล้างออกได้ง่าย เป็นต้น
3.      การหวีผมขณะที่เส้นผมเปียกน้ำจะทำให้เส้นผมขาดได้ง่าย ดังนั้นถ้าจำเป็นต้องหวีผมขณะที่เปียก ควรใช้หวีไม้ซี่ห่างจะช่วยให้เส้นผมขาดน้อยลงได้
4.      สาวๆ ที่นิยมไดร์ผมให้ตรงดัดผมด้วยโรลไฟฟ้าและรีดผมด้วยไฟฟ้า ควรใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมจากความร้อนด้วยเสมอ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนสำหรับเส้นผมให้เลือกใช้มากมาย ก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพเส้นผม
5.      เวลาเป่าผมให้แห้งควรเป่าผมจากบนลงล่าง เพราะเกล็ดผมจะเรียงตัวตามธรรมชาติ ทำให้เส้นผมเรียงตัวสวยและเรียบเงางาม ไม่ชี้ฟู
6.      การรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ก็ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรเลือกรับประทานอาหารจำพวก ผัก ผลไม้ และควรดื่มน้ำมากๆ นอกจากนี้ต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านกระบวนการขัดสีต่างๆ รวมทั้งเครื่องดื่มแอล
อฮอล์และบุหรี่
7.      ถ้ามีกิจกรรมที่จำเป็นต้องทำกลางแจ้งก็อย่าลืมที่จะปกป้องเส้นผมจากแสงแดดด้วย โดยการสวมหมวกหรือทาครีมปรับสภาพผมทิ้งไว้เมื่อต้องออกแดด หลังจากนั้นค่อยล้างออกตามปกติ


ผมธรรมดา จะจัดแต่งทรงง่าย เส้นผมมักจะเงางามและมีสุขภาพดี แต่ถ้ารักษาไม่ดีอาจกลายเป็นผมเสียได้
ผมธรรมดา มักเป็นผมที่คุณทุกคนปรารถนา ที่ว่าปกตินั้นได้แก่ ผมที่ไม่มีความมันเยิ้ม การดูแล จึงง่ายมากคือสระผมตามปกติ และเพื่อความงามมากขึ้น ควรหมั่นแปรงผม บ่อยๆเพื่อเป็นการนวดศรีษะ
ผมแห้ง
จะดูหยาบกระด้างแห้ง ขาดและแตกปลายง่าย พันกันง่ายผมชนิดนี้ ต้องดูแลมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรหมักผมด้วยและหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี

1. ตัดปลายผม เล็มส่วนที่เสียออกไปให้หมด
2. เลือกใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของโปรตีน ตามด้วยครีมนวด เน้นนวดที่ปลายผมให้มาก และอาจเสริมด้วยการหมักผมอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
3. การหมักผม อาจเลือกใช้เบบี้ออยล์ทิ้งไว้นานประมาณ 15 นาที แล้วค่อยสระผมตามปกติ หรือ อาจเลือกใช้น้ำมันมะกอกผสมกับน้ำส้มสายชู โดยผสมให้น้ำส้มสายชูประมาณ 1/3 ของน้ำมันมะกอก หมักแค่ 2-3 นาทีเท่านั้นแล้วสระตามปกติ เส้นผมจะลื่นเรียบไม่พันกัน
4. หลังจากที่สระผมเสร็จให้เลือกใช้วิตามินบำรุงเส้นผม เพื่อดูแลและป้องกันผมแตกปลาย


 ผมมัน
ผมจะทั้งเส้นผมและหนังศีรษะจะมีน้ำมันมากเป็นพิเศษ ดูเป็นมันเยิ้มหลังสระผมไม่นาน แถมลีบแบนด้วยจัดทรงยาก
 ผมเป็นผมที่ไม่น่าเข้าใกล้ที่สุดเพราะเมื่อผมคุณมัน ก็มักจะมีฝุ่นละอองต่างๆปลิวมาติดและเกาะแน่น เพราต่อมไขมันบนหนังศรีษะ ผลิตน้ำมันมากจนเกินไปผลที่ตามมาคืออาการคันคะเยอ เสียบุคลิก วิธีแก้ง่ายๆคือ สระผมหลายๆครั้ง ลดอาหารจำพวกไขมันอิ่มตัวทั้งหลาย และลด ความเครียด เพื่อให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนได้ในระดับปกติ

ผมฟู
ควรใช้ครีมนวดผมเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความเงางาม และปกป้องเส้นผมจากสิ่งแวดล้อมมลภาวะต่างๆ ครีมนวดผมจะทำงาน โดยการเคลือบเส้นผมแต่ละเส้นให้นุ่มสลวย ทำให้แผ่นเปลือกผม (Cuticle) แนบสนิทกับโคนผม และช่วยโอบอุ้มความชุ่มชื้นให้เส้นผมด้วย ท่านสามารถใช้ครีมนวดผม ชนิดล้างออกได้ทุกครั้ง หลังสระด้วยแชมพู หรือจะเลือกใช้แบบสเปรย์ที่ไม่ต้องล้างออก (Leave inconditioner) ก็ได้ ข้อแตกต่างก็คือ ครีมนวดผมชนิดล้างออกจะปรับสภาพผมได้ถาวรกว่า สามารถซึมซาบเข้าไปในเปลือกผม ทำให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น ส่วนชนิดสเปรย์ทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างออก ผลิตมาเพื่อรักษาสภาพผมเฉพาะวัน ทำให้ผมหวีง่ายขึ้น ลดการพันกันของเส้นผม ลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของเส้นผมจากแสงแดดและมลภาวะ สามารถใช้ได้ทุกวันแม้ไม่ได้สระผม ถ้าท่านมีผมที่ดูแห้งและแตกปลายมาก ท่านควรใช้ครีมนวดชนิดเข้มข้น หรือครีมหมักผม หรือฮอทออยล์ (Hotoil) นวดหมักผมหลังสระสัปดาห์ละครั้ง ครีมนวดชนิดนี้จะมีเนื้อครีมเข้มข้น เพื่อซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดต่อเส้นผมได้ดีกว่าครีมนวดปกติ นอกจากนี้ควรเลือกใช้แชมพูสระผม สำหรับผมแห้งโดยเฉพาะด้วย
 ควรใช้แชมพูที่มีสภาพเป็นกลาง ซึ่งอ่อนโยนต่อเส้นผม สามารถใช้สระผมได้ทุกวัน เพื่อคงสภาพความสมดุลตามธรรมชาติของเส้นผม เช่น แชมพูเด็ก แชมพูพืชสมุนไพรบางชนิด
 1. ก่อนสระผม
ใช้หวีซี่ห่างๆ สางผมให้ทั่วก่อนสระ และอาจใช้น้ำมันมะกอกชะโลมผมทิ้งไว้ซัก 10 นาทีก่อนสระ จะใช้ทำให้ผมนุ่มขึ้น
2. ระหว่างสระผม
พยายามอย่าให้ผมรวมกันเป็นกองจะทำให้ผมพันกันได้ และการสระ ควรสระ 2 ครั้ง เพราะครั้งแรก แชมพูจะช่วยขจัดฝุ่น คราบมัน และสิ่งสกปรกออกไป ส่วนครั้งที่สอง จะช่วยให้ผมเป็นรูปทรงขึ้น หลังจากนั้น อย่าลืม นวดครีมนวดผมหลังสระผมจะนุ่ม สลวยระหว่างใช้ครีมนวดผม ก็นวดศีรษะไปด้วย จะช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี
3. หลังสระผม
พอสระเสร็จ ก็บีบผมเบาๆ เพื่อให้น้ำที่เยอะๆ ออกไป จากนั้นก็ค่อยๆ ใช้ผ้าขนหนูซับจนผมหมาดๆ ที่สำคัญ อย่าถูหรือขยี้แรงๆ เดี๋ยวผมจะขาด และเปราะด้วย จากนั้น สางผม โดยใช้หวีซี่ห่างๆ หวีให้ทั่ว แล้วปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ
 ผมมัน ควรเลือกใช้แชมพูชนิดเดียวกันกับ "ผมมีรังแค"  โดยใช้สระผมทุกวัน หรือวันเว้นวัน
ผมแห้ง แชมพูที่ใช้ควรจะเป็นแชมพูอ่อนๆ ผสมสารที่ให้ความชุ่มชื้นกับเส้นผม เช่น ผสมน้ำมันโจโจบา (Jojoba oil) ผสมวิตามินอี ผสมน้ำมันพริมโรส (Evening primrose oil) สาร Aloe vera เป็นต้น
ผมมีรังแค
 1. แชมพูที่ผสมคีโตโคนาโซล เช่น ไนโซรัล ทรีอาทอป คีนาริน ฯลฯ
2. แชมพูที่ผสมซิงค์ไพริไธออน หรือเซเลเนียมซัลไฟด์ เช่น เซลชั่น เซลชั่นบูล ฯลฯ
3. แชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน เช่น โพลีทาร์แวมพู ทาร์แชมพู ไอโอนิลทีแชมพู ฯลฯ
4. แชมพูที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิก
5. แชมพูที่มีอยู่ในร้านค้าทั่วไป เช่น เฮดแอนด์โชลเดอร์ คลินิก รีจอยซ์ ฯลฯ
ผมย้อมดัด ให้เลือกแชมพูที่ใช้สำหรับผมย้อม ผมดัด ผมเสียโดยเฉพาะ ซึ่งมีขายตามร้านค้าทั่วๆ ไป


การดูแลผมผิดวิธีก็นับเป็นบาปอย่างหนึ่ง ต่อเส้นผมของคุณ เราขอชวนคุณมาเลิกทำบาป กันเดี๋ยวนี้ เพื่อความสุขสดชื่นของเส้นผมของคุณ แล้วคุณจะรู้ว่าทำดีได้ดีนั้นมีอยู่จริง
1. คุณไม่ควร หวังสีผมสวย โดยไม่ทำอะไร
ใคร ๆ ก็อยากมีสีผมสวยสดใส ราวกับเพิ่งทำสี ออกจากร้านสด ๆ ร้อน ๆ แต่โชคร้ายว่า สีผมสวยสดใส แบบนั้นน่ะไม่มีวันอยู่กับคุณได้ตลอดไป ถ้าคุณไม่ดูแลใส่ใจอย่างจริงจัง สีผมทุกยี่ห้อจะค่อย ๆ ซีดจาง และดูหมองไปตามวันเวลา แต่คุณสามารถช่วยได้ด้วยการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ จะมีส่วนผสมที่เข้าไปทำปฏิกิริยา กับสารเคมีในสีผม ช่วยให้สีผมสว่างสดใส และดูสดใหม่ ได้นานกว่าหลายเท่านอกจากนี้ ผมที่มีสุขภาพดีจะสามารถยึด

นายทศวรรณ

การที่คนเราจะเป็นอารั้ยไม่สำคัญมันอยู่ที่การกระทำ ทำดีคิดดี ความดีก็มาหาเราเอง 
สูงต่ำอยู่ที่ตัวทำ ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ

หญิงหรือชายไม่สำคัญเท่าการกระทำ