วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เส้นผม 2

เกาะสีให้ติดแน่น ได้มากกว่าผมแห้งเสีย ดังนั้นคุณต้องบำรุง และดูแลเส้นผมด้วยคอนดิชันเนอร์รุ่นบำรุงล้ำลึกเป็นประจำด้วย เพื่อสีผมที่สวยสดใสตลอดไป
2. คุณไม่ควร ใช้เครื่องมือราคาถูก
รู้ค่ะว่าเงินน่ะหายาก แต่อยากให้คุณลงทุนสักหน่อยกับแปรงหวีผมดี ๆ สักอัน ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะการแปรงผมด้วยแปรงดี ๆ นั้นจะช่วยทำให้เส้นผมของคุณมีสุขภาพดีขึ้นได้ด้วย การกระตุ้นให้ต่อมไขมัน ผลิตน้ำมันตามธรรมชาติออกมาหล่อเลี้ยงเส้นผม ช่่วยให้เส้นผม เป็นมันเงาไม่ฟุ้งฟู และจัดทรงได้ง่ายยิ่งขึ้น ถ้าจะให้เด็ดลองหาแปรง ที่ทำจากขนสัตว์ธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยลดแรงเสียดทานในการหวีผม และยังช่วยลดความเครียด ให้กับเส้นผมและหนังศีรษะ อีกด้วย และท้ายสุดอย่าลืมทำความสะอาดหวี และแปรงของคุณอย่างเป็นประจำด้วย
3. คุณไม่ควร ใช้หนังยางรุ่นดึก
ช่วงนี้ฮิตเป็นพิเศษกับการรวบหางม้าเป็นสปริงเด้งดึ๋งตามแคทวอล์กแฟชั่น เราจึงอยากเตือนคุณว่า อย่าได้หลับหูหลับตาหยิบหนังสติ๊กมัดถุงกับข้าวมามัดผมเป็นอันขาด เพราะหนังยางประเภทนั้นจะดึงเส้นผมให้ฉีกขาด แถมยังทำลายเกล็ดผมอีกด้วย ดังนั้นสาวผมยาวทั้งหลายที่ชอบมัดผม ควรหาซื้อหนังยาง ที่ผลิตสำหรับเส้นผมโดยเฉพาะ มาติดกระเป๋าอยู่เสมอเผื่อฉุกเฉิน หรือใช้ที่มัดผมโดนัทที่มีผืนผ้าห่อหุ้มอยู่ด้านนอก ในการมัดผม แค่นี้ก็จะช่วยป้องกันปัญหาผมพันติดหนึบกับหนังสติ๊ก พาลให้ผมขาดวิ่น หรือต้องตัดผมเลยก็เป็นไปได้
4. คุณไม่ควร ใช้ผลิตภัณฑ์ผิด
อย่าเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เพียง เพราะแพ็กเกจที่สะสวย ดูดีมีสไตล์ การเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์ความงามทั้งผิวและผม นั้น ต้องเลือกที่คุณสมบัติเป็นหลัก โดยเลือกให้เหมาะกับ สภาพผิวและสภาพผมของเรา แต่ปัญหาอย่างหนึ่งที่พวกเรามักต้องเจอ คือ คำบรรยายสรรพคุณสุดเวอร์ และสับสนบนฉลาก ทำให้เราต้องเวียนหัวทุกครั้งที่ไปช้อปปิ้งด้วยตัวเอง ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่า ผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือกจะเหมาะกับเส้นผมของคุณ และได้ผลดีจริง ๆ เราขอแนะนำให้คุณสอบถาม จากช่างผมของคุณจะดีกว่า แต่ถ้าอยากทดลองให้รู้ด้วยตัวเอง ควรซื้อไซส์ทดลองมาใช้ในคราวแรก ถ้าใช้แล้วดี ค่อยลงทุนซื้อไซส์ใหญ่มาใช้ในคราวถัดไป
5. คุณไม่ควร รุนแรงกับผมเปียก
เชื่อได้เลยว่าใครที่ไหนก็ทำกันอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ รีบ ๆ สระผม แล้วก็เอาผ้าขนหนู เช็ดถูอย่างเมามัน สางผมด้วยหวีเร็ว ๆ แล้วก็รีบออกจากบ้านไปเพื่อแข่งกับเวลา แต่ความจริงแล้วการหวีผม เมื่อผมเปียกนั้น นับเป็นการทำร้ายเส้นผมอย่างรุนแรงมาก แถมการเช็ดถูผมด้วยผ้าขนหนู ยังเป็นการทำให้เกล็ดผมเปิดออกอีก ส่งผลให้เส้นผมฟุ้งกระจาย ไร้ทิศทางจัดยังไงก็ดูไม่เข้าทรง วิธีที่ถูกต้องก็คือ ค่อย ๆ ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำแล้วบีบเบา ๆ ให้ผมแห้งหมาด จากนั้นใช้หวีซี่ห่างสางผมออกจากกัน แค่นี้เส้นผมก็ยิ้มได้แล้ว
6. คุณไม่ควร โหมใช้ของร้อน
ความร้อนจากการใช้ไดร์เป่าผมและเครื่องรีดผมเป็นประจำนับเป็นอันตรายอย่างยิ่ง สำหรับเส้นผม และเห็นผลเร็วยิ่งกว่าสิ่งใด เส้นผมของคุณจะดูหมองในพริบตา แถมยังแห้งเสีย ไม่เข้าท่าได้อย่างเร็วทันใจ ถ้าเลี่ยงการไดร์ผมไม่ได้จริง ๆ พยายามรักษาระยะห่าง ประมาณ 1 ช่วงแขน ห่างจากศีรษะ เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผม รับความร้อนมากเกินไป ความร้อนยังนำพา ความชุ่มชื้นออกจากเส้นผมด้วย ดังนั้นคุณจึงควรใส่คอนดิชันเนอร์ แบบไม่ต้องล้างออก ลงบนเส้นผมทุกครั้งก่อนการใช้ความร้อน เพื่อป้องกันเส้นผมแห้งแตกปลายได้อีกทาง
7. คุณไม่ควร เลื่อนนัดช่างผม
คุณควรเข้าร้านทำผมเพื่อพบกับช่างทำผมเป็นประจำทุก ๆ 8-12 สัปดาห์ เพื่อให้ช่าง ช่วยเล็มปลายผมออก เพราะปลายผมมักจะอ่อนแอมากกว่าโคนผม การได้รับความร้อน หรือสารเคมีต่าง ๆ ก็จะทำลายปลายผม มากกว่าโคนผม การเล็มออกเป็นประจำ จะช่วยป้องกัน การเกิดผมแตกปลายได้เป็นอย่างดี แม้ว่าคุณจะกำลังไว้ผมยาวก็ไม่ควรหยุดเล็มผม เพียงแค่คุณบอกกับช่างผม ว่าคุณกำลังเลี้ยงผมยาว ช่างผมจะช่วยเล็มปลาย เพื่อรักษาทรงให้กับคุณ เพื่อให้ผมของคุณยังดูเป็นทรงสวย ไม่ดูโทรมเกินไป และยังช่วยรักษาสุขภาพผม ให้ดีอยู่เสมอด้วย







10 วิธีดูแลเส้นผม
ในบ้านเราตอนนี้ก็มีสถานบำบัดเยียวยาผู้ที่มีปัญหาผมร่วงผมบางอยู่หลายที่ แต่ก็ไม่ถึงกับเปรี้ยงปร้างเป็นที่รู้จักของคนส่วนใหญ่มากนัก อันนี้ว่าตามความรู้สึกของป้านะ สำหรับป้าสถานบำบัดเส้นผมเหล่านี้มันคงจะคิดราคาแพง ต้องคนที่กระเป๋าหนักๆ เท่านั้นแหละที่จะได้รับการเยียวยาได้ ในยามที่เศรษฐกิจไม่สู้จะดีอย่างนี้เรามาเริ่มต้นดูแลเส้นผมให้ดีกันตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่า อย่างน้อยมันก็เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดงบประมาณในกระเป๋าลงไปบ้าง
1. ดูแลเส้นผมก็อย่าทำอะไรกับผมมากเกินไปนะ (คร้าบ)
สังเกตมั้ยจ้ะว่าเวลาที่เราเข้าร้านทำผม ช่างทำผมมักจะคอยโน้มน้าวให้เราทำโปรแกรมอะไรมากมายกว่าความต้องการของเรา เช่น เราแค่ต้องการที่จะไปรับการสระ ตัด และไดร์ แต่ว่าช่างทำผมผู้แสนดีก็มักจะเสนอให้เราอบไอน้ำ ทำสี ดัด ยืด หรือทำทรีตเมนต์อะไรอีกมากมายสารพัด เราในฐานะที่เป็นลูกค้าก็แอบรำคาญเล็กน้อย ช่างทำผมบางราย อันนี้ป้าเจอมาหมาดๆ นำเสนอให้อบไอน้ำ นำเสนอไม่พอใส่วิญญาณลูกอีช่างติเข้ามาด้วย ติว่าผมป้าแห้งมาก ช่างคนนี้ไดร์ผมป้าไปก็บ่นไปว่าผมป้ามันแห้งมาก ไดร์ไปติไปตลอดเลยค่ะ ป้านี่แทบปรี้ด
เอาเป็นว่าเราไม่ควรที่จะไปทำอะไรกับผมมากเกินไป หลายๆ คนอาจเคยเข้าสปาผมมาบ้างแล้ว จะสปาเพื่ออะไรก็ตามจะเพื่อผ่อนคลายหนังศีรษะหรือเพื่อเส้นผมเงางามก็เถอะ มันก็เป็นสิ่งที่ดีนะจ้ะที่จะทำแต่ว่าก็ไม่ควรทำบ่อยเกินไป เพราะเส้นผมของเราเนี่ยมันก็คือส่วนที่ตายแล้วของคนเรานี่แหละ มันไม่มีความสามารถที่จะซ่อมแซมสภาพที่เสียโดยตัวของมันเอง ฉะนั้นยิ่งถ้าเราไปทำสี ดัด หรือยืดมากๆเข้าแล้ว มันก็เป็นการไปทำร้ายเส้นผมขั้นรุนแรงโดยที่ไม่สามารถจะซ่อมแซมให้มันกลับสู่สภาพดีดังเดิมได้อีก นอกจากจะโกนผมทิ้งแล้วก็รอวันเวลาที่มันจะงอกเงยขึ้นมาใหม่นั่นแหละจ้ะ
2. ดูแลเส้นผมก็อย่ามองข้ามเรื่องของน้องหวี (เลือกดีๆ ล่ะตัวเอง)
อันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือการเลือกใช้หวี เลือกหวีไม่ดีมีสิทธิตายได้ อะไรทำนองนั้นเลยจ้ะ ให้ระวังการเลือกใช้หวีที่จะทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะ ซึ่งส่วนใหญ่หลายๆคนก็มองข้ามเรื่องนี้ไป อยากให้เราๆ ให้ความสำคัญกับน้องหวีตั้งแต่วันนี้ เพราะเราต้องใช้มันเป็นชีวิตจิตใจกันเลยทีเดียว ก่อนอื่นให้เลือกใช้หวีซี่ห่าง เพราะว่าถ้าใช้เจ้าหวีซี่ถี่ๆเล็กๆ มันจะเป็นการทำร้ายเส้นผม โดยทำให้เกล็ดผมฉีกและหนังศีรษะถลอกได้ นอกจากนี้ใครที่กระเป๋าหนักหน่อยให้เลือกใช้หวีที่เคลือบสาร Teflon ก็จะดีกว่ากันมาก (หลายๆ คนอาจนึกคิดแค่ว่าเข้า Teflon มีแต่เคลือบอยู่บนผิวกระทะเท่านั้น เคลือบบนหวีก็มีนะจ้ะ) หวีที่เคลือบสารดังกล่าวจะช่วยลดการเสียดสีของเส้นผม ลดปัญหาไฟฟ้าสถิตย์ โดยเฉพาะในยามที่อากาศแห้งหรือผู้ที่มีผมแห้งมากๆ
มีความเชื่อปรำปราเรื่องหนึ่งที่กล่าวกันว่าถ้าท่านหวีผมให้ได้วันละ 100 ครั้งต่อวัน สุขภาพของเส้นผมคุณจะดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ หรืออะไรทำนองนี้ ป้าอยากจะมาออกโรงเตือนว่าใครที่เชื่อเช่นนี้ ขอให้รู้เถิดว่านั่นเป็นความเชื่อผิดๆ ของคนโบราณ เพราะว่าแทนที่จะเกิดผลดีกลับทำให้ผมยิ่งเสียมากขึ้น ผมของคุณจะหลุดร่วงมากขึ้น เกล็ดผมถูกทำลาย หนังศีรษะเป็นแผล ถลอกปอกเปิก เอาเป็นว่าหวีวันละ 5-10 ครั้งในหนึ่งวันดีที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น