วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เส้นผม

1.      เวลาสระผมให้คุณนวดหนังศีรษะไปด้วย จะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนโลหิตที่หนังศีรษะดีขึ้นและทำให้น้ำมันตามธรรมชาติไปหล่อเลี้ยงเส้นผมได้ดียิ่งขึ้น
2.      การเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมก็สำคัญ เราต้องมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นต้องมีค่าความเป็นด่างที่สมดุล (PH Balance) เช่น ครีมนวดผมต้องมีคุณสมบัติปรับสภาพเส้นผมให้ชุ่มชื่นและสามารถล้างออกได้ง่าย เป็นต้น
3.      การหวีผมขณะที่เส้นผมเปียกน้ำจะทำให้เส้นผมขาดได้ง่าย ดังนั้นถ้าจำเป็นต้องหวีผมขณะที่เปียก ควรใช้หวีไม้ซี่ห่างจะช่วยให้เส้นผมขาดน้อยลงได้
4.      สาวๆ ที่นิยมไดร์ผมให้ตรงดัดผมด้วยโรลไฟฟ้าและรีดผมด้วยไฟฟ้า ควรใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องเส้นผมจากความร้อนด้วยเสมอ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีผลิตภัณฑ์ป้องกันความร้อนสำหรับเส้นผมให้เลือกใช้มากมาย ก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพเส้นผม
5.      เวลาเป่าผมให้แห้งควรเป่าผมจากบนลงล่าง เพราะเกล็ดผมจะเรียงตัวตามธรรมชาติ ทำให้เส้นผมเรียงตัวสวยและเรียบเงางาม ไม่ชี้ฟู
6.      การรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ก็ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรเลือกรับประทานอาหารจำพวก ผัก ผลไม้ และควรดื่มน้ำมากๆ นอกจากนี้ต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านกระบวนการขัดสีต่างๆ รวมทั้งเครื่องดื่มแอล
อฮอล์และบุหรี่
7.      ถ้ามีกิจกรรมที่จำเป็นต้องทำกลางแจ้งก็อย่าลืมที่จะปกป้องเส้นผมจากแสงแดดด้วย โดยการสวมหมวกหรือทาครีมปรับสภาพผมทิ้งไว้เมื่อต้องออกแดด หลังจากนั้นค่อยล้างออกตามปกติ


ผมธรรมดา จะจัดแต่งทรงง่าย เส้นผมมักจะเงางามและมีสุขภาพดี แต่ถ้ารักษาไม่ดีอาจกลายเป็นผมเสียได้
ผมธรรมดา มักเป็นผมที่คุณทุกคนปรารถนา ที่ว่าปกตินั้นได้แก่ ผมที่ไม่มีความมันเยิ้ม การดูแล จึงง่ายมากคือสระผมตามปกติ และเพื่อความงามมากขึ้น ควรหมั่นแปรงผม บ่อยๆเพื่อเป็นการนวดศรีษะ
ผมแห้ง
จะดูหยาบกระด้างแห้ง ขาดและแตกปลายง่าย พันกันง่ายผมชนิดนี้ ต้องดูแลมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรหมักผมด้วยและหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี

1. ตัดปลายผม เล็มส่วนที่เสียออกไปให้หมด
2. เลือกใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของโปรตีน ตามด้วยครีมนวด เน้นนวดที่ปลายผมให้มาก และอาจเสริมด้วยการหมักผมอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
3. การหมักผม อาจเลือกใช้เบบี้ออยล์ทิ้งไว้นานประมาณ 15 นาที แล้วค่อยสระผมตามปกติ หรือ อาจเลือกใช้น้ำมันมะกอกผสมกับน้ำส้มสายชู โดยผสมให้น้ำส้มสายชูประมาณ 1/3 ของน้ำมันมะกอก หมักแค่ 2-3 นาทีเท่านั้นแล้วสระตามปกติ เส้นผมจะลื่นเรียบไม่พันกัน
4. หลังจากที่สระผมเสร็จให้เลือกใช้วิตามินบำรุงเส้นผม เพื่อดูแลและป้องกันผมแตกปลาย


 ผมมัน
ผมจะทั้งเส้นผมและหนังศีรษะจะมีน้ำมันมากเป็นพิเศษ ดูเป็นมันเยิ้มหลังสระผมไม่นาน แถมลีบแบนด้วยจัดทรงยาก
 ผมเป็นผมที่ไม่น่าเข้าใกล้ที่สุดเพราะเมื่อผมคุณมัน ก็มักจะมีฝุ่นละอองต่างๆปลิวมาติดและเกาะแน่น เพราต่อมไขมันบนหนังศรีษะ ผลิตน้ำมันมากจนเกินไปผลที่ตามมาคืออาการคันคะเยอ เสียบุคลิก วิธีแก้ง่ายๆคือ สระผมหลายๆครั้ง ลดอาหารจำพวกไขมันอิ่มตัวทั้งหลาย และลด ความเครียด เพื่อให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนได้ในระดับปกติ

ผมฟู
ควรใช้ครีมนวดผมเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มความเงางาม และปกป้องเส้นผมจากสิ่งแวดล้อมมลภาวะต่างๆ ครีมนวดผมจะทำงาน โดยการเคลือบเส้นผมแต่ละเส้นให้นุ่มสลวย ทำให้แผ่นเปลือกผม (Cuticle) แนบสนิทกับโคนผม และช่วยโอบอุ้มความชุ่มชื้นให้เส้นผมด้วย ท่านสามารถใช้ครีมนวดผม ชนิดล้างออกได้ทุกครั้ง หลังสระด้วยแชมพู หรือจะเลือกใช้แบบสเปรย์ที่ไม่ต้องล้างออก (Leave inconditioner) ก็ได้ ข้อแตกต่างก็คือ ครีมนวดผมชนิดล้างออกจะปรับสภาพผมได้ถาวรกว่า สามารถซึมซาบเข้าไปในเปลือกผม ทำให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น ส่วนชนิดสเปรย์ทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างออก ผลิตมาเพื่อรักษาสภาพผมเฉพาะวัน ทำให้ผมหวีง่ายขึ้น ลดการพันกันของเส้นผม ลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของเส้นผมจากแสงแดดและมลภาวะ สามารถใช้ได้ทุกวันแม้ไม่ได้สระผม ถ้าท่านมีผมที่ดูแห้งและแตกปลายมาก ท่านควรใช้ครีมนวดชนิดเข้มข้น หรือครีมหมักผม หรือฮอทออยล์ (Hotoil) นวดหมักผมหลังสระสัปดาห์ละครั้ง ครีมนวดชนิดนี้จะมีเนื้อครีมเข้มข้น เพื่อซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดต่อเส้นผมได้ดีกว่าครีมนวดปกติ นอกจากนี้ควรเลือกใช้แชมพูสระผม สำหรับผมแห้งโดยเฉพาะด้วย
 ควรใช้แชมพูที่มีสภาพเป็นกลาง ซึ่งอ่อนโยนต่อเส้นผม สามารถใช้สระผมได้ทุกวัน เพื่อคงสภาพความสมดุลตามธรรมชาติของเส้นผม เช่น แชมพูเด็ก แชมพูพืชสมุนไพรบางชนิด
 1. ก่อนสระผม
ใช้หวีซี่ห่างๆ สางผมให้ทั่วก่อนสระ และอาจใช้น้ำมันมะกอกชะโลมผมทิ้งไว้ซัก 10 นาทีก่อนสระ จะใช้ทำให้ผมนุ่มขึ้น
2. ระหว่างสระผม
พยายามอย่าให้ผมรวมกันเป็นกองจะทำให้ผมพันกันได้ และการสระ ควรสระ 2 ครั้ง เพราะครั้งแรก แชมพูจะช่วยขจัดฝุ่น คราบมัน และสิ่งสกปรกออกไป ส่วนครั้งที่สอง จะช่วยให้ผมเป็นรูปทรงขึ้น หลังจากนั้น อย่าลืม นวดครีมนวดผมหลังสระผมจะนุ่ม สลวยระหว่างใช้ครีมนวดผม ก็นวดศีรษะไปด้วย จะช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี
3. หลังสระผม
พอสระเสร็จ ก็บีบผมเบาๆ เพื่อให้น้ำที่เยอะๆ ออกไป จากนั้นก็ค่อยๆ ใช้ผ้าขนหนูซับจนผมหมาดๆ ที่สำคัญ อย่าถูหรือขยี้แรงๆ เดี๋ยวผมจะขาด และเปราะด้วย จากนั้น สางผม โดยใช้หวีซี่ห่างๆ หวีให้ทั่ว แล้วปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ
 ผมมัน ควรเลือกใช้แชมพูชนิดเดียวกันกับ "ผมมีรังแค"  โดยใช้สระผมทุกวัน หรือวันเว้นวัน
ผมแห้ง แชมพูที่ใช้ควรจะเป็นแชมพูอ่อนๆ ผสมสารที่ให้ความชุ่มชื้นกับเส้นผม เช่น ผสมน้ำมันโจโจบา (Jojoba oil) ผสมวิตามินอี ผสมน้ำมันพริมโรส (Evening primrose oil) สาร Aloe vera เป็นต้น
ผมมีรังแค
 1. แชมพูที่ผสมคีโตโคนาโซล เช่น ไนโซรัล ทรีอาทอป คีนาริน ฯลฯ
2. แชมพูที่ผสมซิงค์ไพริไธออน หรือเซเลเนียมซัลไฟด์ เช่น เซลชั่น เซลชั่นบูล ฯลฯ
3. แชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน เช่น โพลีทาร์แวมพู ทาร์แชมพู ไอโอนิลทีแชมพู ฯลฯ
4. แชมพูที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิก
5. แชมพูที่มีอยู่ในร้านค้าทั่วไป เช่น เฮดแอนด์โชลเดอร์ คลินิก รีจอยซ์ ฯลฯ
ผมย้อมดัด ให้เลือกแชมพูที่ใช้สำหรับผมย้อม ผมดัด ผมเสียโดยเฉพาะ ซึ่งมีขายตามร้านค้าทั่วๆ ไป


การดูแลผมผิดวิธีก็นับเป็นบาปอย่างหนึ่ง ต่อเส้นผมของคุณ เราขอชวนคุณมาเลิกทำบาป กันเดี๋ยวนี้ เพื่อความสุขสดชื่นของเส้นผมของคุณ แล้วคุณจะรู้ว่าทำดีได้ดีนั้นมีอยู่จริง
1. คุณไม่ควร หวังสีผมสวย โดยไม่ทำอะไร
ใคร ๆ ก็อยากมีสีผมสวยสดใส ราวกับเพิ่งทำสี ออกจากร้านสด ๆ ร้อน ๆ แต่โชคร้ายว่า สีผมสวยสดใส แบบนั้นน่ะไม่มีวันอยู่กับคุณได้ตลอดไป ถ้าคุณไม่ดูแลใส่ใจอย่างจริงจัง สีผมทุกยี่ห้อจะค่อย ๆ ซีดจาง และดูหมองไปตามวันเวลา แต่คุณสามารถช่วยได้ด้วยการเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ จะมีส่วนผสมที่เข้าไปทำปฏิกิริยา กับสารเคมีในสีผม ช่วยให้สีผมสว่างสดใส และดูสดใหม่ ได้นานกว่าหลายเท่านอกจากนี้ ผมที่มีสุขภาพดีจะสามารถยึด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น